กลุ่มชาติพันธุ์ไทขึน
ชุมชนวัดทรายมูล
ชาวไทขึนชุมชนวัดทรายมูล หรือชุมชนบ้านทรายมูล ส่วนใหญ่อพยพมาจากเมืองเชียงตุงและบางส่วนมาจากเมืองเชียงรุ้ง โดยเข้ามาในหลายช่วงเวลาหลายสมัย แต่เข้ามาในยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” มากที่สุด การอพยพของชาวไทขึนชุมชนวัดทรายมูลส่วนใหญ่ที่ถูกกวาดต้อนมา จะเดินทางผ่านหลายท้องที่ ตามเส้นทางการเดินเท้า ทางเดินของวัวต่างม้าต่าง หรือทางเกวียน
อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารของชาวไทขึนชุมชนวัดทรายมูลจะมีลักษณะคล้ายกับอาหารของคนเมืองทั่วไป โดยรับประทานข้าวเหนียวเป็นหลัก ส่วนกับข้าวที่มีลักษณะพิเศษเป็นอัตลักษณ์ เช่น แกงแค แกงผักแว่น น้ำพริกมะเขือส้ม น้ำพริกตาแดง ส่วนขนม เช่น ข้าวต้มหัวหงอก เป็นต้น สมัยก่อนการประกอบอาหารของชาวไทขึนในชุมชนมักทำทานกันเองเกือบทุกครัวเรือน เนื่องจากวิธีการทำง่ายและสะดวก ส่วนมากใช้ผักพื้นบ้านที่ปลูกไว้บริเวณสวนหลังบ้านหรือรั้วบ้านมาประกอบอาหาร โดยรสชาติธรรมดา ไม่เน้นรสหวานหรือเค็ม
แกงแค
แกงแค เป็นแกงที่ประกอบด้วยผักหลายชนิด เช่น ผักตำลึง ผักชะอม ใบชะพลู ผักชีฝรั่ง มะเขือพวง และมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมด้วยหนึ่งอย่าง
ลาบหมู
รสชาติเผ็ด เค็มนิดหน่อย ได้รสหวานจากหน่อไม้และใบย่านาง เป็นอาหารล้านนาซึ่งชาวไทขึนได้รับอิทธิพลการทำอาหารมาจากคนล้านนาเนื่องจากมีวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดสัมพันธ์กัน
การรักษาพื้นบ้าน
การรักษาด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ในชุมชนไทขึนวัดทรายมูลวิธีการหนึ่ง คือ การรักษาด้วยวิธี “การเป่า” เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยด้านร่างกายโดยเฉพาะอาการปวดในที่ต่าง ๆ เช่น แขน ขา ไหล่ เอว รวมถึงโรคงูสวัด
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยวิธี “การนวด” โดยใช้สมุนไพรโอสถทิพย์ (หมอจัดเตรียมมา) นวดบริเวณที่ปวดหรือต้องการรักษา แล้วจะมีการท่องมนต์คาถาเสกเป่าขณะที่ทำการนวดด้วยเช่นกัน
นวด
การนวด เป็นจัดระเบียบร่างกายรูปแบบหนึ่ง เพื่อการบำบัดและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย โดยใช้ทักษะทางร่างกายและอุปกรณ์เสริมด้วยการ บีบ จับ คลึง รีดเส้น เหยียบ ยัน กดจุด ดัด เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ ในบริเวณนั้นๆ ทำงานดีขึ้น